เชลซี กำลังอยู่ท่ามกลางวิกฤตการค้นหาตัวตน และสไตล์การเล่นหลังจากทีค่สโมสรได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ตลอดระยะเวลา 11 เดือนนับตั้งแต่ที่ ท็อดด์ โบห์ลีย์ และ เคลียร์เลค แคปิตอล ได้เข้ามาครอบครองสโมสร พวกเขาพยายามเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ภายในสโมสรอย่างแรกคือมีเจ้าของใหม่ จากนั้นก็มีผู้เล่นใหม่ๆ จากนั้นมีเฮดโค้ชคนใหม่ จากนั้นโครงสร้างพื้นฐานใหม่ที่มีการแต่งตั้งผู้อำนวยการฝ่ายกีฬาร่วม ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค และหัวหน้าฝ่ายสรรหา จากนั้นจะมีผู้เล่นใหม่เพิ่มขึ้นในเดือนมกราคม
เชลซี ได้ใช้เงินไปเป็นจำนวนกว่า 600 ล้านปอนด์ในช่วงเปิดตลาดซื้อขายนักเตะทั้งสองครั้งในช่วงซัมเมอร์ และช่วงฤดูหนาวในช่วงต้นปีที่ผ่านมา และตอนนี้เมื่อ เกรแฮม พอตเตอร์ ถูกไล่ออก และสโมสรก็พยายามหาแนวทางที่ดีที่สุดเพื่อช่วยเหลือสโมสรของพวกเขาในช่วงเวลาวิกฤต และทำให้ เชลซี ได้หันไปพึ่งอดีตผู้เล่นและเฮดโค๊ชอย่าง แฟรงค์ แลมพาร์ด ให้เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมชั่วคราวในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
การกลับเข้ามาของ แฟรงค์ แลมพาร์ด ในครั้งนี้ได้สร้างความประหลาดใจให้กับหลายๆ ฝ่ายเป็นอย่างมาก แม้แต่ตัวของ แฟรงค์ แลมพาร์ด เองก็ยังรู้สึกประหลาดใจกับการตัดสินใจของสโมสร เนื่องจาก แฟรงค์ แลมพาร์ด เองก็เพิ่งโดนปลดออกจากตำแหน่งเฮดโค๊ชของ เอฟเวอร์ตัน ในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา แต่ด้วยความที่ แฟรงค์ แลมพาร์ด เองก็เป็นผู้ที่คุ้นเคยและรู้จัด เชลซี เป็นอย่างดีทั้งในฐานะอดีตผู้เล่นที่อยู่กับสโมสรมายาวนานกว่า 13 ปี และลงเล่นไปแล้วกว่า 649 นัดพ่วงด้วยประสบการณ์การเป็นเฮดโค๊ชของเขาแม้จะเป็นแค่เพียงระยะเวลาสั้นๆ ก็ตาม
และเมื่อ บรูโน่ ซัลเตอร์ ไม่เต็มใจที่จะทำหน้าที่เฮดโค๊ชชั่วคราว สโมสรจึงได้ตัดสินใจที่จะเลือกจ้างผู้ที่รู้จัก เชลซี ที่ดีที่สุดเข้ามาทำงานในตำแหน่งนี้ ซึ่งทางด้านของ แฟรงค์ แลมพาร์ด เองก็เต็มใจที่จะรับงานในตำแหน่งนี้ แม้ว่าเขาจะรู้ตัวดีว่าเขาไม่ใช่ตัวเลือกในระยะยาวของสโมสร แต่เขาก็ยังหวังลึกๆ ว่าถ้าเขาสามารถช่วยให้สโมสรกลับมาอยู่ในจุดที่ดีขึ้น เขาอาจจะได้รับความไว้วางใจให้คุมทีมในระยะยาว