เจอร์เก้น คล็อปป์ อาจจะต้องเปลี่ยนแผนการเล่นในรอบชิง แชมเปี้ยนส์ลีก

ลิเวอร์พูล จะต้องยิงให้ได้มากกว่าหนึ่งประตูในช่วงเวลาแข่งขันปกติ 90 นาทีในนัดชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ลีก ภายใต้การคุมทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ และนั่นคือสถิติที่พวกเขาจะต้องทำให้ได้ในเกมกับ เรอัล มาดริด ในการแข่งขัน แชมเปี้ยนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศในวันเสาร์นี้ ซึ่งตอนนี้ปัญหาของทีมคือนักเตะตัวหลักอย่าง ติอาโก้ อัลคันทาร่า ยังคงเผชิญกับอาการบาดเจ็บ และไม่น่าจะได้ลงสนามในเกมที่ปารีส

หงส์แดงเคยผ่านเข้ามาในรอบชิงชนะเลิศมาแล้ว 10 ครั้งสำหรับการแข่งขันในทุกรายการภายใต้การคุมทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ หากรวมการแข่งขันในรายการ คอมมิวนิตี้ ชิลด์ 2 เกมเข้าไปด้วย และพวกเขายังเคยเล่นในรอบชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ลีก ถึง 2 ครั้ง รอบชิงชนะเลิศ คาราบาว คัพ 2 ครั้ง รอบชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ 1 ครั้ง รอบชิงชนะเลิศ ยูโรป้าลีก 1 ครั้ง รอบชิงชนะเลิศ ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์คัพ 1 ครั้ง และรอบชิงชนะเลิศชิงแชมป์สโมสรโลกอีก 1 ครั้ง

แต่ในรอบชิงชนะเลิศทั้ง 10 ครั้งนั้น พวกเขาทำได้เพียง 10 ประตูเท่านั้น ซึ่งถ้านับประตุแค่ในช่วงเวลาปกติ 90 นาที พวกเขาทำประตูได้เพียงแค่ 8 ประตูเท่านั้น และอีก 2 ประตูมาจากเกมในช่วงต่อเวลาพิเศษกับ เชลซี และ ฟลาเมงโก ใน ซูเปอร์ คัพ และ สโมสรชิงแชมป์โลก ตามลำดับ ซึ่งมีเพียงแค่เกมเดียวเท่านั้นที่พวกเขาสามารถทำได้ 2 ประตูในเวลา 90 นาทีในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศภายใต้การคุมทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์

สถิติของพวกเขาบ่งบอกให้เห็นว่าพวกเขาทำประตูเฉลี่ยได้เพียงประตูเดียวต่อเกมในรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งค่อนข้างจะแตกต่างจากสถิติใน พรีเมียร์ลีก มากพอสมควร ซึ่งตลอดการแข่งขัน 380 นัดในหลายฤดูกาลพวกเขาทำประตูเฉลี่ยอยู่ที่ 2 ประตูต่อเกม และในสภาวะที่ทีมขาดผู้เล่นตัวหลักอย่าง ติอาโก้ อัลคันทาร่า พวกเขาจะต้องพยายามทำประตูใหม้มากกว่า 1 ประตูให้ได้ เพื่อทุบสถิติของตัวเอง รวมถึงเพื่อโอกาสในการคว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ลีก ด้วย

FOOTBALL TRICK