การแข่งขันนัดชิงชนะเลิศยูโรเปี้ยนคัพระหว่างสโมสร เรอัล มาดริด กับ ไทน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต ได้แข่งขันกันในปี 1960 ซึ่งในช่วง 4 ปีก่อนหน้านี้นั้น มันคือการคว้าแชมป์ 4 สมัยรวดของเรอัล มาดริดเลยทีเดียวตั้งแต่ที่มีการจัดการแข่งขันกันมา และในปี 1960 หากว่าเรอัล มาดริด เอาชนะแฟรงค์เฟิร์ตได้นั้น มันจะเป็นการคว้าแชมป์สมัยที่ 5 ติดต่อกันเลยทีเดียว
เรียกว่า 5 ปีแรกของการจัดแข่งขันชิงแชมป์ยุโรปถ้วยนี้ เรอัล มาดริด กวาดไป 5 สมัยเลยทีเดียว และก็เป็นไปตามคาด การแข่งขันที่กลาสโกวนั้นมันคือการรัวยิงของ เรอัล มาดริด ที่หวดใส่แฟรงค์เฟิร์ตกันไม่ยั้งถึง 7-3 เลยทีเดียว โดยการยิง 7 ประตูของเรอัล มาดริด มันเกิดจากการควงแขนกันยิงของ เฟเรนซ์ ปุสกัส โคตรกองหน้าทีมชาติฮังการีที่จัดการกระหน่ำคนเดียวถึง 4 ประตู ส่วนอีก 3 ลูกมาจากการทำแฮททริกของ อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน กองหน้าชาวอาร์เจนไตน์
แน่นอนว่ามันเป็นการทำให้ เรอัล มาดริด คว้าแชมป์ยุโรปเป็นสมัยที่ 5 ติดต่อกันเลยทีเดียว ยุคนั้นไม่แน่ใจว่าราคาบอลเปิดให้กลุ่มนักลงทุนเล่นกันเหมือนสมัยนี้หรือไม่ แต่คงจะไม่มีใครคาดคิดอย่างแน่นอนว่า 1 ในผู้ชมการแข่งขันนัดนี้กว่า 127,000 คนที่มาชมเกมการแข่งขัน มันมีหนุ่มน้อยชาวสกอตแลนด์คนหนึ่งที่เป็นนักเตะตำแหน่งกองหน้าของสโมสร “ควีนส์พาร์ค” ในลีกฟุตบอลสกอตแลนด์มาชมเกมการแข่งขันด้วย …
เด็กหนุ่มคนที่ว่าก็คือ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กองหน้าดาวรุ่งวัยเพียง 19 ปีของสโมสรควีนส์พาร์ค ซึ่งได้มาดูเกมการแข่งขันนัดนี้ เขารู้สึกปลื้มกับการเล่นของ ดิ สเตฟาโน ที่เป็นตัวรุกในสไตล์ใช้สมองในการสร้างสรรค์เกม และสามารถทำประตูได้ด้วยตัวเอง ส่วน ปุสกัส ก็มีพลังทำลายล้างจากเท้าซ้ายเพชฌฆาตของเขา เพราะการที่ได้ดูเกมนัดนี้นั่นเอง มันคือแรงบันดาลใจที่ยอดเยี่ยมของ อเล็กซ์ เป็นอย่างมาก จากนั้นเป็นต้นมา เขาก็นับถือ ดิ สเตฟาโน อย่างสุดซึ้ง และพยายามที่จะปลูกฝังตัวเองให้ประสบความสำเร็จเหมือนในสิ่งที่ สเตฟาโน ได้ทำเอาไว้ จนกระทั่งในวันหนึ่ง เขาก็มีโอกาสสัมผัสกับถ้วยแชมป์ยุโรปหูโตในยุคที่เขาก้าวขึ้นมาเป็นเทรนเนอร์ของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนั่นเอง