“โรนัลโด้ หลุยส์ นาซาริโอ เด ลิม่า” ไม่ว่าใครก็ต้องรู้จักเขา เพราะนี่คืออีกหนึ่งนักฟุตบอลที่ดีที่สุดในโลกอย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยการเลี้ยงบอลที่ติดเท้าของเขา ซึ่งมันยากที่ผู้เล่นหลายคนจะสามารถเลียนแบบเขาได้ สิ่งที่สไตรเกอร์ชาวบราซิลได้สร้างขึ้นมาในการเล่นนั้นทำให้กองหลังฝั่งตรงข้ามต้องหวาดกลัวเขา จามเมื่อเขาเพิ่มความเร็วในการเลี้ยงบอลด้วยนั้น มันคือฝันร้ายของทีมตรงข้าม
เขาเป็นกองหน้าซึ่งบางครั้งก็เล่นฝั่งซ้ายได้ เขาเลี้ยงบอลลุยเข้าไปอย่างไม่เกรงกลัวการโดนรุมกินโต๊ะ ด้วยการจบสกอร์ที่เฉียบขาด และการตัดสินใจในการยิงประตูของเขานั้นเป็นสิ่งที่เรียกว่าระดับโลกอย่างแท้จริง สำหรับอาชีพของเขานั้นสิ่งที่เป็นอุปสรรคของเขามากที่สุดก็คือ โรนัลโด้ต้องดิ้นรนกับปัญหาอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ซึ่งทำให้เขาพลาดในการลงเล่นในบอลถ้วยรายการสำคัญ แต่แม้ว่าจะเจ็บหนักมากี่ครั้ง แต่เขาคือนักเตะที่ใกล้เคียงกับระดับของ ดิเอโก้ มาราโดนา และ เปเล่ มากที่สุดเลยทีเดียว
เขาเป็นหนึ่งในนักเล่นฟุตบอลที่เก่งที่สุดในโลก นิสัยของเขานั้นไม่เคยสนใจเรื่องกลยุทธ์ของทีม และกลยุทธ์ต่างๆที่กุนซือวางให้เขาเล่นแบบนั้นแบบนี้ มันไม่เคยอยู่ในความสนใจของโรนัลโด้ ซึ่งเขามีความคิดที่ชัดเจนเพียงอย่างเดียว คือการลงสนามไปและวิ่งให้มากเพื่อทำประตูให้กับทีม
การเดินทางในอาชีพค้าแข้งของเขานั้น เขามักจะได้เล่นให้กับทีมชั้นนำมาโดยตลอด โรนัลโด้ เคยพาตัวเองขึ้นไปสู่จุดสูงสุดได้ในการเล่นให้กับ อินเตอร์ มิลาน,บาร์เซโลน่า และ เรอัล มาดริด ในขณะที่ผลงานสุดมาสเตอร์พีซที่สุดของเขาก็คือ การคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2002 ที่เขายิงระเบิด 8 ลูกจนกลายเป็นดาวยิงสูงสุดของฟุตบอลโลก 2002
“อิล เฟโนเมโน” ที่แปลกได้ว่า “ปรากฏการณ์” เขาคว้ารางวัลทรงเกียรติมามากมาย เขาเป็นไอดอลของตำนานนักเตะรุ่นปัจจุบันทั้งอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ และ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช
ทุกวันนี้ เขาก็ยังคงเป็นกองหน้าที่อันตรายที่สุดในโลก เขามีส่วนร่วมกับเกมเสมอ สิ่งที่หลายๆคนไม่เคยลืมตัวตนของเขาก็คือ ทักษะอันสูงส่งบนสนาม ความเร็วอันเหลือเชื่อ ความคมในการยิงประตูได้ดีทั้งสองเท้า และ “รอยยิ้ม” ที่น่ารักของเขา เขาเป็นนักเตะที่อารมณ์ดีเสมอ และวันนี้เราจะมาดูเรื่องราวที่น่าสนใจของตำนานดาวยิงรายนี้
เขาเคยลงเล่นในฟุตบอลโลกโดยใช้ชื่อว่า ‘โรนัลดินโญ่’ จนถึงปี 1999 สำหรับการเล่นให้กับทีมชาติของเขา
ตอนที่โรนัลโด้อายุ 17 ปีและเป็นตัวสำรองที่ไม่ได้ลงสนามในฟุตบอลโลก 1994 แต่เขาก็ได้ลงไปร่วมฉลองกับทีมชาติบราซิลที่ได้แชมป์ฟุตบอลโลกปี 1994 และตอนนั้น ก็มีนักเตะทีมชาติบราซิลคนหนึ่งที่ชื่อว่า “โรนัลโด้” อยู่ในทีมก่อนหน้าเขาแล้ว
นักเตะคนนั้นก็คือ โรนัลโด้ โรดริเกวส เด เชซุส หรือที่แฟนบอลยุคนั้นรู้จักในชื่อ “โรนัลเดา” (ซึ่งแปลได้ว่า โรนัลโด้ใหญ่ ในภาษาโปรตุเกส) เขาเป็นสมาชิกอาวุโสของทีมชาติบราซิลชุดแชมป์โลก 1994 ดังนั้นแล้วพอตัวของ “R9” ที่เวลานั้นอายุ 17 ปีและเพิ่งติดทีมชาติในฐานะน้องใหม่ ก็เลยเปลี่ยนชื่อที่ลงสนามมาเป็น “โรนัลดินโญ” (แปลได้ว่า โรนัลโด้น้อย)
ระหว่างการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปี 1996 โรนัลโด้ก็ยังคงใช้ชื่อเล่นว่า ‘โรนัลดินโญ’ ปักที่ด้านหลังเสื้อของเขาเช่นเดิม และเมื่อบราซิลได้รับเหรียญทองแดง มันก็เลยเป็นอีกครั้งที่เขาต้องใช้ชื่อดังกล่าวต่อไป จนกระทั่งอีกสามปีต่อมา ก็มีเด็กหนุ่มอีกคนหนึ่งที่มีชื่อเดียวกันได้เข้าร่วมกับทีมชาติบราซิลชุดใหญ่ และนั่นก็คือ “โรนัลโด้ เด แอสซิส โมเรย์รา” หรือที่เรารู้จักเขาในเวลาต่อมาก็คือ “เหยินน้อย โรนัลดินโญ” ที่ต่อมาก็สร้างชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก และหลังจากที่ “รอนนี่” ปรากฏตัว มันก็เลยทำให้ R9 ได้กลับมาใช้ชื่อโรนัลโด้ลงสนามตามปกติ
เขาคือนักเตะผู้ได้รับรางวัล บัลลงดอร์ ด้วยอายุที่น้อยที่สุด
โรนัลโด้ ย้ายมาเข้าร่วมกับสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนา หลังจากระเบิดฟอร์มกับ PSV ด้วยค่าตัวสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 19 ล้านปอนด์ในปี 1996 เขาอยู่กับทีมดังของแคว้นคาตาลันเพียงฤดูกาลเดียว แต่สิ่งที่เขาประสบความสำเร็จในการเล่นที่นั่นก็คือการยิงประตูกระจุยกระจายชนิดไม่กลัวใคร เขามีอายุเพียง 20 ปีเมื่อตอนที่เขาย้ายไปยังทีมยักษ์ใหญ่ของสเปน และยิงประตูได้มากถึง 47 ลูก จากในการลงเล่นให้กับบาร์เซโลนา 49 นัด ซึ่งช่วยให้ทีมดังของแคว้นคาตาลัน คว้าแชมป์ โคปา เดล เรย์ และถ้วยยูฟ่า คัพ วินเนอร์ส คัพ
ทันทีที่เขาอายุ 21 ปี โรนัลโด้ก็คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่า และรางวัลบัลลงดอร์ หรือ “นักฟุตบอลยอดเยี่ยมยุโรปประจำปี 1997” ซึ่งทำให้เขากลายเป็นผู้ที่รับรางวัลบัลลงดอร์ที่อายุน้อยที่สุดเมื่อตอนอายุแค่ 21 ปี และนักเตะที่เกือบทำลายสถิติของเขาได้ก็คือ ไมเคิล โอเวน ที่ได้กับลิเวอร์พูลตอนปี 2001 และโอเว่นพลาดในการเป็นเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ที่อายุน้อยที่สุดเพราะดันมาได้ตอนอายุแก่กว่าโรนัลโด้ 2 เดือนเท่านั้น